สิงคโปร์ - ศิลปะการแสดง
เนื่องจากสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีประชากรหลากหลายเชื้อชาติหลากหลายศาสนา ทำให้มีศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลาย ต่างรวมกันเป็นลักษณะสังคมพหุวัฒนธรรม ต่างมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมในสังคมชาติพันธุ์ของตนเอง สิงคโปร์เพิ่งจะประกาศเอกราชและปกครองตนเองเป็นสาธารณรัฐสิงคโปร์เมื่อ ค.ศ.1965 จึงทำให้สังคมของสิงคโปร์ซึ่งก่อร่างสร้างประเทศเพียง 50 ปีที่ผ่านมา ไม่มีความเด่นชัดในเชิงวัฒนธรรมที่เป็นหนึ่งเดียว แต่สิงคโปร์จะเป็นพหุสังคมวัฒนธรรมแบบผสมผสาน ในภาพรวมแล้วนั้น วัฒนธรรมจีนของชาวโพ้นทะเลที่ตั้งรกรานบนสิงคโปร์เป็นกลุ่มวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลมากที่สุดตามประชากรเชื้อสายจีนที่มีในสิงคโปร์มากที่สุด ในขณะเดียวกันอิทธิพลจากศาสนาจากกลุ่มผู้นับถือพระพุทธศาสนา คริสต์ศาสนา ศาสนาอิสลาม และศาสนาฮินดู ทำให้นิยามความหมายของศิลปะพื้นบ้านของสิงคโปร์ไม่ได้เน้นหนักไปที่ด้านใดด้านหนึ่งหรือกลุ่มวัฒนธรรมใดวัฒนธรรมหนึ่ง
ในการแสวงหาตัวตนที่แท้จริงของสิงคโปร์ ยังอยู่ในการแสวงหาในบริบทของวัฒนธรรมที่หลากหลายจนกว่ารากเหง้าของวัฒนธรรมเดิมหายไป แล้วหล่อหลอมวัฒนธรรมแบบผสมแบบสิงคโปร์ และเมื่อนั้นความเป็นตัวตนที่แท้จริงจึงจะค่อยๆ กำเนิดขึ้น พร้อมๆ กับเอกลักษณ์ในความหมายของศิลปะสิงคโปร์จึงจะเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ (ปิยะแสง จันทรวงศ์ไพศาล, 2558, หน้า 377-378)
ศิลปะการแสดงของจีน
เชิดสิงโต (Lion Dance)
“การเชิดสิงโต” (Lion Dance) เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองในเทศกาลตรุษจีน หรือวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีนทั่วโลก ในประเทศสิงคโปร์ส่วนใหญ่มีเชื้อสายจากชมชนชาวจีนมณฑลทางภาคใต้ของประเทศจีน จึงทำให้แบบอย่างการเชิดสิงโตและการผลิตหัวสิงโตเป็นแบบสิงโตทางภาคใต้ (South Lion) มีการใช้โครงไม้ไผ่ประกอบเข้ากับวัสดุท้องถิ่น เช่น กระดาษ ผ้าไหม โลหะ แผ่นเงิน และเกล็ดทอง ฯลฯ เย็บประกอบและจัดสร้างตามแบบหัวสิงโตท้องถิ่นในฮกเกี้ยน แต้จิ๋ว และกวางตุ้ง (ปิยะแสง จันทรวงศ์ไพศาล, 2558, หน้า 378-379)
การเชิดสิงโตจะมีการเล่นกันครึกครื้นด้วยเสียงกลองและประกอบด้วยเสียงจุดประทัดดังสนั่นไปด้วย คณะเชิดสิงโตจำนวน 10 กว่าคนขึ้นไป จะพากันแบกหัวสิงโตและกลองตระเวนไปตามห้างร้านค้าต่างๆ ที่เป็นชุมชนชาวจีนอยู่หนาแน่น พอถึงหน้าอาคารร้านตลาดก็จะเชิดอยู่สักครู่หนึ่ง เมื่อเจ้าของบ้านเอาขนมเข่งและเงินใส่ซองกระดาษสีแดงมาให้สิงโต พวกเขาก็จะเชิดเป็นการลาแล้วเคลื่อนไปยังบ้านถัดไป (ศรีมหาโพธิ์, 2542, หน้า 120-121)
งิ้วหุ่นกระบอก
เดิมหุ่นกระบอกที่ทำจากไม้นี้เป็นองค์ประกอบสำคัญในการประกอบพิธีกรรมในงานศพและพิธีขจัดกาฬโรคในสมัยโบราณ ต่อมาในสมัยปลายราชวงศ์ฮั่นได้ถูกนำมาแสดงในงานมงคลด้วย แต่การใช้หุ่นกระบอกแสดงในงานศพก็ยังคงมีต่อมาจนถึงราชวงศ์หมิง ในสมัยราชวงศ์หมิง มีหุ่นกระบอกชนิดใหม่เกิดขึ้นเรียกว่า หุ่นกระบอกถุงมือ หรือเรียกว่า ปู้ไต้ซี่ หรือจ่าจงซี่ การละเล่นชนิดนี้เริ่มเจริญขึ้นที่มณฑลฮกเกี้ยน เมืองเฉวียนโจว และการแสดงชนิดนี้เป็นที่นิยมกันมากที่ไต้หวันโดยเฉพาะในชาวจีนฮกเกี้ยน ปัจจุบันพิธีกรรมดังกล่าวก็ยังมีให้เห็นอยู่ในประเทศสิงคโปร์ เช่น พิธีกงเต๊กที่วัดจีนผู่เจวี๋ยซื่อ
หุ่นกระบอกปู้ไต้ซี่ แพร่กระจายเข้าสู่ประเทศสิงคโปร์เมื่อใดนั้นไม่มีหลักฐานแน่นอน การแสดงงิ้วโรงใหญ่ในปัจจุบันนี้ แม้ว่าค่าจ้างตัวแสดงจะมีรายได้ดีพอสมควร แต่เนื่องจากอัตราค่าจ้างงิ้วโรงงานใหญ่นั้นสูงมาก ดังนั้นการที่จะมีโอกาสรับการว่าจ้างให้ไปแสดงจึงไม่บ่อยนัก ประกอบกับการออกแสดงในแต่ละครั้งต้องฝึกหัดอยู่นาน ทั้งทำนอง เสียงร้อง ท่าทางต่างๆ รวมทั้งการร่ายรำด้วย จึงทำให้เสียเวลามาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งตรงข้ามกับการแสดงหุ่นกระบอก
สำหรับการแสดงหุ่นกระบอกนั้น หากร้องเพลงประกอบการแสดงได้พร้อมทั้งหัดเชิดหุ่นในช่วงเวลาอันสั้นก็ออกแสดงได้ทันที ทั้งอัตราค่าว่าจ้างก็ถูกกว่างิ้วโรงใหญ่กว่าครึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีผู้ว่าจ้างไปแสดงบ่อยครั้ง โรงแสดงของงิ้วหุ่นกระบอก ตั้งเป็นโครงร้านเตี้ยๆ ยกพื้นสูงจากพื้นดินประมาณหนึ่งเมตรกว่า ตัวโรงคลุมด้วยผ้าใบด้านบนและด้านหลัง ด้านข้างเปิดโล่ง ฉากและเครื่องประดับฉากเป็นฉากถาวรสำหรับการแสดงทุกเรื่อง ในสังคมชาวจีนสมัยก่อน เมื่อสิ้นฤดูเก็บเกี่ยว ชาวบ้านมักว่าจ้างงิ้วชนิดต่างๆ มาแสดงฉลอง เพื่อตอบแทนคุณเจ้าธรณีที่ได้ให้ความสมบูรณ์กับพื้นที่นาไร่
ปัจจุบันนี้การแสดงงิ้วหุ่นกระบอกที่สิงคโปร์มีผู้ชมน้อยมาก สำหรับการแสดงในรอบกลางวันนั้นกล่าวได้ว่าเป็นการแสดงให้เจ้าประจำศาลดู ส่วนเวลากลางคืนหากเป็นคณะที่มีชื่อเสียงก็จะมีผู้ชมเพิ่มมากขึ้น (พรพรรณ จันทโรนานนท์, 2528, หน้า 74-81)
ศิลปะการแสดงของมลายู
บังสาวัน (Bangsawan) เป็นการแสดงละครร้องคล้ายกับการแสดงโอเปร่าของทางยุโรป เป็นการแสดงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศสิงคโปร์ โดยมีจะการแสดงประกอบกับการร้องบทละครออกมาเป็นเพลงด้วยตัวของนักแสดงเอง พร้อมกับการการเต้นประกอบเสียงดนตรีในท่าทางและอารมณ์ต่าง ๆ ตามบทบาทที่ได้รับ สร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก โดยการแต่งกายจะมีการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยงามสีสดใส การแสดงละครร้อง ที่ถูกเรียกว่า บังสา
บรรณานุกรม
ปิยะแสง จันทรวงศ์ไพศาล. (2558). ศิลปะอาเซียน (อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และบรูไน). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พรพรรณ จันทโรนานนท์. (มิถุนายน 2528). ปู้ไต้ซี่ งิ้วหุ่นกระบอกของชาวจีนฮกเกี้ยนที่สิงคโปร์. ศิลปวัฒนธรรม, 74-81.
ศรีมหาโพธิ์. (2542). ประเพณีธรรมเนียมจีน. กรุงเทพฯ: เคล็ดไทย.